สทนช. รับลูก รองนายกฯ ประเสริฐ ประชุมหน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ณ สุโขทัย จัดการมวลน้ำลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน เจ้าพระยาตอนล่าง ป้องกันผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 10/2567 พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยาณ ห้องประชุมศรีนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก่อนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์จุดคันกั้นน้ำขาดในพื้นที่ตำบลคลองกระจงและตำบลท่าทอง อำเภอสวรรคโลก พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณประตูระบายน้ำท้ายแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง รวมถึงพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมท้ายแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง บริเวณโรงพยาบาลสุโขทัย จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดพิษณุโลก โดยลงพื้นที่ติดตามโครงการหน่วงน้ำเจ้าพระยา เหนือจังนครสวรรค์ ณ แก้มลิงคลองละหาน ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก ตามลำดับ
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายประเสริฐ จันทรรวงทองรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแล สทนช. และประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีความห่วงใยในเรื่องสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยที่ส่งผลกระทบกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยสำหรับจังหวัดเชียงใหม่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำสูงสุดไหลผ่านในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค. 67) ซึ่ง สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำปิงในวันเดียวกันนี้ เพื่อเร่งช่วยเหลือพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่และลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้มีการประชุมหน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ณ จังหวัดสุโขทัย โดย สทนช. ได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกลุ่มจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน ไปจนถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และเป็นข้อมูลให้จังหวัดต่าง ๆ นำไปเตรียมความพร้อมรับมือ โดยกำชับให้มีการแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ประชาชนให้รับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันมวลน้ำจากลุ่มน้ำยมที่ไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยเป็นปริมาณน้ำสูงสุดแต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตัวเมืองสุโขทัย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแก้มลิงทุ่งทะเลหลวงที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก สทนช. ได้มีการบริหารจัดการน้ำร่วมกับกรมชลประทานเพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะโรงพยาบาลสุโขทัยที่ตั้งอยู่ท้ายทุ่งทะเลหลวงซึ่งจะมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจังหวัดสุโขทัยได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการของโรงพยาบาล นอกจากนี้ สทนช. จะเร่งขับเคลื่อนการดำเนินการซ่อมแซมในจุดที่ประสบปัญหาคันกั้นน้ำขาดให้แล้วเสร็จก่อนเข้าสู่ฤดูฝนหน้าต่อไป
สำหรับการระบายน้ำจากทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและพิจิตร โดยเฉพาะทุ่งบางระกำที่มีปริมาณน้ำเกินความจุเก็บกักและเริ่มส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน ได้พิจารณาแนวทางในการลดระดับน้ำในแม่น้ำน่านเพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ดีขึ้น โดยได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ให้อยู่ในอัตรา 5 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ต่อวัน ไปจนถึงช่วงประมาณวันที่ 13 ต.ค. 67 ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์น้ำภายในเขื่อนสิริกิติ์อีกครั้งเพื่อปรับอัตราการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด
ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินมวลน้ำจากลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านซึ่งจะไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นต้นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 2,500 ลบ.ม. ต่อวินาที พร้อมกันนี้ จะมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในอัตราประมาณ 200 300 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยปัจจุบันมีการบริหารจัดการน้ำเขื่อนเจ้าพระยา โดยระบายน้ำไปบริเวณเหนือเขื่อนทั้งทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ในอัตรา 300 ลบ.ม. ต่อวินาที และจะพยายามคงการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราไม่เกิน 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา